9 กุมภาพันธ์ 2555

นิทานธรรม ผลของการให้ทาน

ครั้งก่อนนั้น ยังมีสามีภรรยาที่ยากจนเข็ญใจคู่หนึ่ง สามีชื่อ อี้หลอ ได้กล่าวกับภรรยาว่า "พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า คนที่เกิดมายากจน ก็เพราะชาติก่อนตระหนี่ แม้จะร่ำรวยมหาศาล แต่ถ้าไม่รู้จักทำบุญให้ทาน ชาติต่อไปก็จะไม่มีวันร่ำรวยอีก ก็เพราะชาติก่อนเราทั้งสองไม่ได้ทำบุญให้ทาน ชาตินี้ถึงได้ลำบากยากจนเช่นนี้"

ภรรยาได้ฟังก็บอกว่า "ใช่แล้ว ฉันก็คิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้อาหารสามมื้อเรายังไม่มีจะกิน แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปทำบุญให้ทานเล่า?" ผู้หญิงมีหัวคิดไว นางคิดได้วิธีหนึ่งจึงบอกกับสามีว่า เอาตัวฉันไปขายเป็นคนใช้ให้กับคนอื่นก็ได้ เมื่อได้เงินแล้วเธอจะได้ทำบุญ ความคิดนี้เข้าท่าดี แต่สามีสั่นศีรษะ ไม่...ไม่ได้ ขายเธอให้คนอื่น แล้วฉันจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร? แม้จะเป็นคู่สามีภรรยาที่ยากจน แต่เขาทั้งสองก็รักใคร่กันมาก ภรรยากล่าวอีกว่า "ถ้าเธอขายฉันไม่ลง งั้นเราทั้งคู่ตัดสินใจเช่นนั้นแล้วก็พากันไปที่บ้านเศรษฐีแจ้งจุดประสงค์ในการมา เศรษฐีก็ยินดีรับไว้ พร้อมกับตกลงราดากัน โดยกำหนดเจ็ดวันให้เขาทั้งสองมีโอกาสไปทำบุญให้ทาน เมื่อครบเจ็ดวันแล้วเขาทั้งสองต้องไปเป็นคนใช้ในบ้านเศรษฐี ครั้นได้เงินมาเขาทั้งสองดีใจมาก ได้ไปที่วัดทำบุญ ถวายอาหารเจแก่พระภิกษุสามเณร ลืมความลำบากชั่วขณะ ตั้งอกตั้งใจบริการแก่มหาชน ด้วยเป็นวันที่มีค่าที่สุดของเขาทั้งสองที่ยังเหลืออยู่ ในเจ็ดวันนี้เขาทั้งสองจะเปลี่ยนแปลงดวงซะตา เพื่อให้ชาติหน้ามีความสุข หกวันผ่านไปแล้ว เมื่อถึงวันสุตท้าย บังเอิญพระราชาก็มาทำบุญที่วัดเช่นกัน ตามหลักเมื่อพระราชามาถึง ทุกคนจะต้องหลีกให้พระองค์ทำก่อน แต่ว่าอี้หลอไม่ยอมหลีก พระราชาเรียกเขาอย่างไม่พอพระทัย อี้หลอมานี่ เมื่ออี้หลออยู่ต่อหน้าพระราชาก็กราบทูลว่า กราบทูลฝ่าบาท ขอพระราชทานอภัยด้วยที่หม่อมฉันไร้มารยาท เนื่องจากมีเพียงวันนี้เท่านั้นที่เป็นของหม่อมฉัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปหม่อมฉันต้องไปเป็นคนของคนอื่นแล้ว ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่อาจละโอกาสการทำบุญในวันสุดท้ายนี้ พระราชาได้ฟังดังนั้นก็ถามเขาว่า เพราะเหตุใดจึงมาทำบุญที่นี่ แล้วทำไมพรุ่งนี้จึงต้องเป็นคนของคนอื่น ครั้นอี้หลอกราบทูลเรื่องราวอย่างละเอียดแล้ว พระราชาทรงเมตตาสงสาร ทั้งชมเชยเขาว่าไม่ตระหนี่ทรัพย์ ไม่ตระหนี่แรงกาย ดังนั้นจึงทรงพระราชทานเสื้อผ้า เงินทองที่ดิน จำนวนมากแก่เขา